ไก่เหนียวรวนต้มยำ

-->











เปิดด้วยอาหารก่อนเพราะอยากนำเสนอเมนูทำง่าย อร่อย ไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้ม พกพาไปกินที่หมายสะดวก เหมาะที่จะเป็นกับข้าวและกับแกล้ม.....
ไก่รวนต้มยำ.....มาดูส่วนผสมกันก่อน อันแรกก็ต้องไก่อยู่แล้ว อันนี้เป็นไก่ไข่น๊ะครับเหนียวซักหน่อย จริงๆใช้ไก่บ้านอร่อยกว่ามาก แต่ตื่นสายตลาดวายซะก่อน...เนื้อวัวก็อร่อยครับ แต่เพื่อนๆไม่กินหลายคนเลยใช้ไก่ดีกว่า ใบมะกรูด พริกขี้หนู มะนาว ผักชีฝรั่ง อ้าว...ข่า ตะไคร้ หั่นข่าตะไคร้ รองก้นกระทะไว้ เติมน้ำนิดหน่อย ปริมาณน้ำขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการจะเคี่ยวไก่นานรึเปล่า ในภาพถือว่าน้ำค่อนข้างเยอะแล้ว เพราะไก่ไข่เหนียวมากต้องเคี่ยวนานพอสมควร ใส่ไก่ทับลงไปเลย แล้วโรยใบมะกรูด ปิดฝาตั้งไฟได้เลย ไก่เหนียวเคี่ยวไปเรื่อยๆไฟกลางๆพอนานๆเปิดมากลับซะที ถ้ามันเยอะก็ช้อนทิ้งซะบ้าง พอน้ำงวด เติมพริกปรุงรส ด้วย น้ำปลา มะนาว น้ำตาลนิด ชูรส แล้วคอยพลิกคน ใว้ตลอด อย่าให้กระทะไหม้เด็ดขาดไม่งั้นเหม็นหมด โรยผักชีฝรั่ง ดับไฟก่อนน้ำแห้งสนิทน๊ะครับไม่งั้นอาจมีกลิ่นไหม้ เสร็จเรียบร้อย พกเข้าหมายได้ง่าย กินกับข้าวสวยหรือข้าวเนียวก็ได้ กินเล่นแกล้มน้ำชาก็แจ่ม ...ไป..เข้าหมายกันได้แล้วครับหมายใหม่ด้วย

ราดหน้าหมี่กรอบ


หยุดปีใหม่ไม่ได้ไปไหน เลยมีเมนูมานำเสนอครับ
เครื่องปรุ่งมีดังนี้จ้า
1.กระเทียม 5 กลีบ
2.ปลาหมึก+กุ้ง-ลูกชิ้นเนื้อ หรืออะไรก็ได้ตามชอบครับ ใส่เยอะก็น่ากินขึ้น อิอิ
3.เต๋าเจียวตราเด็กสมบูรณ์ 1 ช้อนโต๊ะ
4.แป้งข้าวโพด 5 ช้อินโต๊ะ ผสมน้ำ
5.ซีอิ่วขาว เกลือ และน้ำตาล ชิมรสตามชอบครับ
6.คะน้าต้นเล็ก เห็ดหูหนู เห็ดฟาง แครอท
7.บะหมี่เหลือง 1 ห่อ

นำบะหมี่เหลืองลงไปทอดครับ น้ำมันเยอะๆๆหน่อย ทอดด้วยหม้อยิ่งดีครับ
เมือทอดหมี่เหลืองเสร็จก็พักไว้
จากนั้นเริ่มทำน้ำราดหน้ากันจ้า ใส่กระเทียมตำละเอียดลงไป
ผัดจนหอม ใส่ ปลาหมึก แครอท และผักลงไปเติมน้ำ ปรุงรสด้วย ซีอิ่วขาว เต๋าเจียว และน้ำตาล ชมรสตามชอบครับ
ชิมจนได้รสชาดที่โอเคแล้ว ก็ละลายแป้งข้าวโพด ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความเหนี่ยวของน้ำราดหน้าครับ
เวลาทาน ก็เอา หมี่กรอบใส่ลงจาน ราดด้วยน้ำราดหน้าเป็นอันจบ อิ่มไปอีกมื้อ... ต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่ค่อยได้ตวงสูตรใช้ชิมเอาอะครับ

เคล็ดลับทอดไม่อมน้ำมัน




สำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญแล้ว การทำอาหารเมนูทอดมักจะเกิดปัญหาอมน้ำมัน วันนี้มีเคล็ดลับการทอดอาหารให้กรอบอร่อยไม่อมน้ำมันมาฝาก

อาหารเมนูทอด เป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คนก็จริง แต่ก็มีอันตรายด้วย จากการที่ได้รับน้ำมันมากเกินไป เพราะฉะนั้นเวลาทำอาหารประเภทนี้ จึงควรรู้เคล็ดลับการประกอบอาหารไม่ให้อมน้ำมัน เพื่อรสชาติที่อร่อย และสุขภาพที่ดี

โดยพระเอกของงานนี้ก็คือ "น้ำส้มสายชู" เพียงหยดน้ำส้มสายชูลงในน้ำมันเล็กน้อย จะทำให้เมนูทอดมีรสชาติดีขึ้น ไม่เลี่ยน และไม่อมน้ำมันด้วย ส่วนถ้าใครอยากได้อาหารทอดที่กรอบนาน ไม่เหม็นหืน แนะนำให้ใช้น้ำมันเมล็ดฝ้ายในการทอด เพราะน้ำมันชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยให้อาหารทอดเก็บไว้ได้นาน แถมยังมีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำอีกด้วย

ส่วนเคล็ดลับเวลาประกอบอาหารก็คือ ต้องรอให้น้ำมันร้อนจัดเสียก่อน จึงค่อยใส่อาหารที่ต้องการลงไปทอด เพราะถ้าทอดนาน ๆ แล้วใช้ไฟอ่อน อาหารจะอมน้ำมัน และเมื่อสุกแล้วควรจะมีตะแกรงเพื่อให้น้ำมันหยดออกจากอาหาร และใช้กระดาษซับน้ำมันด้วยก็จะดีมาก

อีกอย่างหนึ่งคือ คนที่ชอบพลิกอาหารไปมาระหว่างทอดโดยไม่จำเป็น ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการอมน้ำมัน ควรรอให้สุกเหลืองไปด้านหนึ่งก่อน ค่อยพลิกกลับมาทอดอีกด้าน

แถมให้นิดนึงสำหรับคนที่ชอบทอดเฟรนช์ฟรายทานเอง ซึ่งมักประสบกับปัญหาอมน้ำมันอยู่บ่อย ๆ เพียงแค่นำเฟรนช์ฟรายไปแช่แข็งก่
อนนำไปทอด จะทำให้เฟรนช์ฟรายกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน

วิธีล้างปลาไม่ให้คาว


เคล็ดลับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว
วันนี้เรามีเคล็ดลับวิธีล้างปลาไม่ให้คาวมาฝากคุณพ่อบ้านแม่บ้านกันอีกเช่นเคย สำหรับใครหลายคนที่ยังไม่รู้จักกับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว ล่ะก็วันนี้ได้เฮแล้วนะค่ะเพราะด้วย เคล็ดลับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว นี้นอกจากจะช่วยดับกลิ่นคาวของปลาอันไม่พรึงประสงค์แล้ววิธีล้างปลาไม่ให้คาวยังช่วยให้การล้างปลาของคุณสะอาดมากยิ่งขึ้นอีกด้วยซึ่งจะลดปัญหาของเมือกปลาที่ไหลย้อยและลดการลื่นของเมือกปลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ นั้นไม่รอช้ามาฟังเคล็ดลับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว กันเลยดีกว่าค่ะ อ๋อลืมบอกไปอีกอย่าหนึ่งค่ะสำหรับวิธีล้างปลาไม่ให้คาวนี้เหมาะกับการใช้ประกอบอาหารทุกประเภทนะค่ะ
วิธีล้างปลาไม่ให้คาว

- ล้างน้ำสะอาดแบบธรรมดาก่อน 1 รอบ
- เอาเงือกปลาออกและขัดในท้องปลาให้สะอาดจากนั้นก็ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งให้สะอาด
- ขั้นตอนสุดนำแป้งมัน 1 ช้อนชา ลูบไล้ให้ทั่วตัวปลาทั้งหมด พักไว้ 1 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดออก

ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ปลาไม่คาวและลดเมือกของปลาไปได้เยอะเลยค่ะ

เคล็ดลับทำความสะอาดกระทะไหม้


เวลาประกอบอาหารบางชนิด หากไม่ระมัดระวังไฟแรงเกินไป ก็อาจทำให้กระทะไหม้ได้ อยากรู้วิธีกำจัดคราบดำที่เกิดขึ้นไหม วันนี้มีมาฝาก

ล้างกระทะภายหลังการประกอบอาหารมื้อใหญ่เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ไหนจะมีคราบมัน ไหนจะมีคราบดำจากรอยไหม้ ถ้าหากว่าเคยกลุ้มใจเรื่องนี้แล้วล่ะก็ สบายใจได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเคล็ดลับในการกำจัดรอยไหม้บนกระทะมาฝากไปให้เลือกใช้กัน

วิธีแรก ลองเติมน้ำยาล้างจานลงไปในกระทะตั้งไฟให้พอร้อน แล้วนำไปล้างทำความสะอาดตามปกติ เพียงเท่านี้คราบดำของรอยไหม้ก็จะหลุดออกมา หรือจะลองนำกระทะตั้งใส่น้ำลงเล็กน้อยแล้วเอาหัวหอมทุบพอแตก 3-4 หัว ต้มจนเปื่อย จากนั้นจึงนำกระทะไปล้างน้ำตามปกติ

ต่อมาเป็นวิธีที่หลาย ๆ คนให้การยอมรับ นั่นคือ การใช้เบคกิ้งโซดา ซึ่งโดยมากแล้วร้านอาหาร เช่น ร้านหมูกระทะตามที่ต่าง ๆ ใช้วิธีนี้ คือ นำเบคกิ้งโซดาผสมพอน้ำข้น ทากระทะตรงรอยไหม้ไว้สักครู่ แล้วค่อยใช้ฝอยขัดหม้อขัดออก หรือถูที่ผิวกระทะด้วยเบคกิ้งโซดา แล้วล้างในฟองสบู่ที่ร้อน เสร็จแล้วล้างออก เช็ดให้แห้ง ตามลำดับ

แต่หากวิธีด้านบนยุ่งยากเกินไป กระทะที่ไหม้เกรียมหากต้องการล้างให้สะอาดขจัดรอยดำ ให้ใส่เกลือป่นลงไป ขัดถูแล้วล้างตามปกติ นอกจากขจัดคราบที่เกิดขึ้นแล้ว ยังช่วยกำจัดกลิ่นไหม้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เคล็ดลับข้อสุดท้าย ให้โรยน้ำส้มสายชูไว้ที่คราบไหม้ แล้วแช่ทิ้งไว้นาน 5 นาที หลังจากนั้นค่อยออกแรงขัดทำความสะอาดใหม่ จะพบว่าง่ายขึ้นจนไม่น่าเชื่อ แต่ถ้ามีรอยไหม้เยอะล่ะก็ให้นำน้ำส้มสายชูตั้งไฟจนร้อนมาถูคราบดำที่กระทะ หลังจากนั้นก็นำกระทะแช่ในน้ำร้อนจัดประมาณ 10 นาที เพียงเท่านี้คราบดำจะหลุดออกมาหมดเลย

แต่ถ้าวิธีที่กล่าวมาทั้งหมด ยังไม่สามารถกำจัดคราบดำเจ้าปัญหาไปได้ นำกระดาษทรายขัดเหล็กเบอร์ 1 มาขัดค่ะ โดยอย่าออกแรงเยอะ ให้ค่อย ๆ ขัด กระดาษทรายจะได้กินเฉพาะส่วนที่ไหม้ เป็นวิธีแก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่ง

แกงจืดเต้าหู้ไข่หมูเด้ง


ส่วนผสม

1. เต้าหู้ไข่ 3 หลอด
2. น้ำซุป 4 ถ้วย
3. หมูบด 50 กรัม
4. ต้นหอมหั่นท่อน 1 ต้น
5. ผักชี 1 ต้น
6. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันพืช 1/4 ช้อนชา


วิธีทำ

1. ผสมหมูบดกับซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา หมักไว้ซักครู่
2. นำน้ำซุปใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด นำหมูที่หมักไว้มปั้นเป็นก้อนขนาดเท่าลูกชิ้นทั่วๆ ไป ใส่ลงไปในน้ำซุปที่กำลังเดือด เคี่ยวจนหมูสุกดี
3. ใส่เต้าหู้อ่อนลงไปในหม้อ ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว เหยาะพริกไทยเล็กน้อย
4. พอเดือดใส่ต้นหอม ผักชี ยกลงจากเตา ตักใส่ชามเสิร์ฟร้อนๆ

กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน


กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน 

เนื้อสับหยาบๆ 1 ขีด
พริกสด 2 - 3 เม็ด
กระเทียม 3 - 4 กลีบ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยอ่อน กระเพราเด็ดเป็นใบๆ กระชายซอยเป็นเส้นๆ
น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรส ปริมาณตามความชอบ

วิธีทำ
ได้ส่วนผสมครบแล้วก็ลงมือตำพริกกับกระเทียมเข้าด้วยกันแต่ไม่ต้องละเอียดมาก จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน พอร้อนแล้วใส่พริกกับกระเทียมที่โขลกลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม ตามด้วยเนื้อสับ ซอสปรุงรส น้ำปลา น้ำตาล ผัดคลุกเคล้าเข้ากันจนเนื้อสุก ซึ่งตอนนี้อาจะเติมน้ำหรือน้ำซุปลงไปด้วยนิดหน่อย บรรเลงเพลงผัดสักครู่ จึงใส่กระชาย และ พริกไทยอ่อน กระเพราเด็ดใบๆ เพื่อเพิ่มรสชาติให้ดุเด็ดเผ็ดร้อนยิ่งขึ้น

เคล็ดลับหุงข้าวอย่างมืออาชีพ


สำหรับคนไม่ถนัดทำกับข้าว แค่หุงข้าวง่าย ๆ ด้วยหม้อไฟฟ้า ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ใจปรารถนา วันนี้จึงมีวิธีแก้ไขปัญหา สำหรับพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่มาฝาก 


การหุงข้าวใช่ว่าทุกคนจะทำออกมาได้ดี แม้จะใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าก็ตาม บางทีใส่น้ำมากไปข้าวก็แฉะ บางครั้งใส่น้ำน้อยไปข้าวก็สุก ๆ ดิบ ๆ หากใครเคยประสบปัญหาเหล่านี้ อย่าเพิ่งนำไปทิ้ง เพราะมีวิธีแก้ไขได้


ถ้าหุงข้าวแฉะเกินไป ให้นำขนมปังสัก 2-3 แผ่น ไปวางในหม้อหุงข้าว กดหุงอีกครั้ง จะช่วยแก้ปัญหาให้ข้าวไม่แฉะได้ สาเหตุเพราะขนมปังช่วยดูดซับน้ำและความชื้นเอาไว้ หรือถ้าใช้หม้อธรรมดา ไม่ได้ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ให้ตั้งบนเตาด้วยไฟอ่อน ๆ หรือแก๊สอ่อน ๆ พักไว้ประมาณ 10 นาที ข้าวในหม้อก็จะสวยขึ้น


กรณีหุงข้าวแล้วข้าวสุก ๆ ดิบ ๆ แก้ปัญหาโดยการละลายน้ำเกลือแล้วพรมลงบนฝาหม้อ โดยต้องปิดฝาหม้อให้สนิทสัก 10-15 นาที จะช่วยทำให้ข้าวสุกนุ่ม น่ารับประทานได้


แต่ถ้าอยากให้ข้าวออกมาดูสวยน่ารับประทาน ให้ใส่น้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนชา ลงไปในข้าวที่กำลังหุงอยู่ (ตอนยังเป็นน้ำ) เมื่อข้าวสุกแล้ว เมล็ดข้าวที่ได้จะสวย สะอาด ขาว น่าทานยิ่งขึ้น.

ไก่กรอบขิงฝอยทอด


ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) 

- ไก่ตอนต้มหั่นเต๋า 1 ถ้วย 
- ขิงฝอยทอดกรอบ 1 ถ้วย 
- ขิงสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ 
- ซอสหอยนางรมแม็กกี้ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ 
- ซอสปรุงอาหารแม็กกี้ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำตาลปึก 2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำสต็อก 1 ถ้วย 
- ผักชี 2 ช้อนโต๊ะ 
- แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย 

วิธีทำ

นำไก่ตอนที่หั่นเป็นเหลี่ยมพอคำหมักด้วยซอสปรุงอาหารแม็กกี้ ซอสหอยนางรมตราแม็กกี้ และขิงสับ คลุกด้วยแป้งบางๆ ทอดในน้ำมันร้อนจัด เพราะเป็นไก่นึ่งสุกแล้ว จึงกรอบเร็ว พักไว้ ทำซอสด้วยน้ำสต็อก 5+5+5 (ซึ่งมาจากส่วนผสมซอสปรุงอาหารแม็กกี้ 5 ช้อนโต๊ะ,ซอสหอยนางรมตราแม็กกี้ 5 ช้อนโต๊ะ,น้ำเปล่า 5 ถ้วยตวง) น้ำตาลปึก ขิงสับ เคี่ยวจนข้น คลุกเคล้าให้เข้ากันหรือตักราดบนไก่กรอบ โรยหน้าด้วยขิงฝอยทอดและผักชี แค่นี้ก็อร่อยแล้วล่ะค่ะ

ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว






ความเป็นมา
ปลาเนื้ออ่อน
ปลาเนื้ออ่อน ปลาน้ำจืดยอดนิยม เป็นปลาไม่มีเกล็ด ด้านข้างแบน ช่วงหางโค้งงอเล็กน้อย สีของลำตัวเป็นสีเงินยวง หัวและตอนล่างของลำตัวจะมีสีแดงอมชมพูเรื่อๆ จีงมีอีกชื่อว่า "ปลาแดง" 
ปลาเนื้ออ่อนจัดเป็นปลารสดี มีกลิ่นคาวน้อย มีเพียงก้างกลาง กินแล้วไม่ต้องกลัวว่าก้างจะตำคอ ปลาเนื้ออ่อนนำมาทำอาหารได้หลายอย่าง ทั้งในรูปของปลาสด ปลาแห้งรมควัน และปลากรอบ โดยเฉพาะปลาแห้งรมควันนั้นต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง เพียงนำไปอังไฟหรืออบให้ร้อนสักหน่อย จิ้มกินกับน้ำปลาเฉยๆ ยังอร่อย หรือนำไปปรุงเป็นต้มโคล้งปลากรอบก็เข้าที 
จานอร่อยแบบง่ายๆ สำหรับปลาเนื้ออ่อนก็คือ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม เมื่อทำความสะอาดปลาแล้วให้แช่น้ำปลาไว้สักครู่ พอให้น้ำปลาซึมเข้าในเนื้อปลา จากนั้นก็นำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนเนื้อปลาเหลืองกรอบ เจียวกระเทียมจนมีสีเหลือง ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลมาราด รสชาติของเนื้อปลานั้นจะไม่เค็มน้ำปลาโดดออกมา มีรสหวานของเนื้อปลาแทรก 
ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน จานเด็ดของปลาเนื้ออ่อนอีกจาน ซึ่งเคล็ดลับปลาต้องสด เวลาผัดน้ำพริกแกงให้ใส่ใบมะกรูดซอยลงไปด้วย จะทำให้น้ำพริกแกงมีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น จากนั้นจึงใส่ปลาตามลงไป ตอนนี้ให้ใช้ไฟแรง ปลาจะไม่คาว หรือนำปลาไปทอดกรอบแล้วค่อยนำมาทำฉู่ฉี่ก็ได้ หรือจะทำเป็นแกงอ่อม ก็อร่อยไม่แพ้กันแต่เวลานำปลาลงในหม้ออย่าคน เพราะจะทำให้คาวและเนื้อจะเละ

ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว
ส่วนผสม
ปลาเนื้ออ่อนหนัก 400 กรัม 1 ตัว ตะไคร้ซอย 1 ต้น 
ใบแมงลัก 1/2 ถ้วย พริกไทยเม็ด 11 เม็ด 
น้ำปลา 1 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา 

ผักลวก เช่น ชะอม กะหล่ำปลี กวางตุ้ง กระเจี๊ยบ บวบหอม บวบงู เป็นต้น 

วิธีทำ 
1. ล้างปลา ควักเหงือกและไส้ออก ล้างอีกครั้งให้สะอาด บั้งตัวปลา
2. โขลกตะไคร้ พริกไทย ใบแมงลัก เข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่น้ำปลา ซีอิ๊วขาว นำไปเคล้ากับตัวปลาให้ทั่ว จัดใส่จาน นึ่งในน้ำเดือด ไฟแรง นาน 7 นาที ยกลง
3. จัดผักลวกชนิดต่างๆ ใส่จานปลานึ่ง รับประทานกับแจ่ว 
หมายเหตุ แจ่ว ทำได้โดยโขลกพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม เข้าด้วยกันพอหยาบ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า และน้ำมะขามเปียก หรือ ปลาแดกบอง กับข้าวหนาวร้อนๆ

คาเฟ่ ลาเต้ ร้อนๆ


คาเฟ่ ลาเต้ เป็นอีกหนึ่งสูตรกาแฟที่ได้รับความนิยมไม่แพ่กันเลย วิธิการทำคาเฟ่ ลาเต้ก็ไม่ยุ่งอยาก

ส่วนประกอบ คาเฟ่ ลาเต้
1. กาแฟเอสเพรสโซ 
2. นมร้อน 
3. ฟองนมพอประมาณ 

วิธีทำ คาเฟ่ ลาเต้
เริ่มด้วยใช้กาแฟเอสเพรสโซเป็นฐาน กาแฟจะเจือจางด้วยนมร้อน จากนั้นโรยหน้าด้วยฟองนม

คาปูชิโน่ ร้อนๆ



คาปูชิโน่ เป็นสูตรที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีครับเอยชื่อคาปูชิโนไม่มีใครไม่รู้จักรเรามาดูส่วนประกอบกันครับ

ส่วนประกอบ คาปูชิโน่
1. นมที่ตีด้วยไอน้ำ 
2. กาแฟเอสเพรสโซ 
3 ผงช็อกโกแลต (ถ้าหากไม่มี สามารถใช้ผงโกโก้ หรือ ผงชินนามอนได้) 

วิธีทำ : คาปูชิโน่
คาปูชิโน่ของแท้จะต้องทำด้วยเครื่องเอสเพรสโซซึ่งมีท่อไอน้ำติดอยู่ แต่ถ้าไม่มีท่อไอน้ำ ก็ให้นำนมร้อนมาปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ประมาณ 1 นาที ค่อยๆ เทกาแฟเอสเพรสโซลงในถ้วยกาแฟให้ได้ 1/3 ของถ้วยและตามด้วยนมร้อนอีก 1/3 และตักฟองนมราดด้านบนอีก 1/3
____________________________________________________________________

คาราเมล คาปูชิโน


- เอสเพรสโซ 1 ช็อต

- นมสดเย็น 120 มล.

- น้ำเชื่อมโทรานี่รสคาราเมล 15 มล.

- ไลอ้อนแมกนัส คาราเมลซอส 


ผสมนมสดกับน้ำเชื่อมแล้วสตีมจนขึ้นฟู
เตรียมกาแฟเอสเพรสโซลงในแก้วคาปูชิโน
เทนมที่สตีมได้ลงไปในแก้วคาปูชิโน
ตกแต่งด้วยไลอ้อนแมกนัส คาราเมลซอส

วิมเลท (Vimlet)


วิมเลท (Vimlet)

ส่วนผสมวิมเลท
วอดก้า 1 ออนซ์
น้ำไลม์ (Lime Juice)
น้ำแข็งหลอด
แก้วแชมเปญขนาด 4 – 6 ออนซ์
มะนาวฝานแว่นสำหรับตกแต่ง

วิธีผสมวิมเลท
1.ทุบน้ำแข็งให้แหลกแต่ไม่ถึงกับละเอียดมากใส่ลงในแก้ว
2. ใส่วอดก้า แล้วเติมน้ำไลม์ ใช้ช้อนบาร์คนเบาๆ 2 – 3 ครั้ง
3. ประดับด้วยมะนาวฝานแว่น

วอดก้า กิ๊ปสัน (Vodka Gibson)


วอดก้า กิ๊ปสัน (Vodka Gibson)

ส่วนผสมวอดก้า กิ๊ปสัน
วอดก้า 1 ออนซ์
ดราย เวอร์มุธ (Dry Vermouth) 1/3 ช้อนชา
แก้วมาร์ตินี่ ขนาด 2-4 ออนซ์ 1 แก้ว

วิธีผสมวอดก้า กิ๊ปสัน
1. คลึงแก้วมาร์ตินี่ให้เย็นด้วยน้ำแข็งแล้วพักไว้
2. ใส่น้ำแข็งก้อนลงในแก้วผสม 1/3 ของแก้วผสม
3. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในแก้วผสมแล้วคนด้วยช้อนบาร์แรงๆ เร็วๆ (6-12 ครั้ง)
4. รินส่วนผสมผ่านที่กรองใส่แก้วมาร์ตินี่ ที่คลึงให้เย็นแล้ว
5. ประดับด้วยหอมดอง

เฟลมมิ่ง ซันเซท (Flamming Sunset


เฟลมมิ่ง ซันเซท (Flamming Sunset)

ส่วนผสมเฟลมมิ่ง ซันเซท
ออเร้นจ์ คูร่าโซ่ (Qrange Curacao) 1 ออนซ์
สวีท เวอร์มุธ (Sweet Vermouth) 1/2 ออนซ์
น้ำแข็งหลอดเล็ก
แก้วโอลด์ แฟชั่นด์ ขนาด 5 – 7 ออนซ์
มะนาวฝานสำหรับตกแต่ง
ไม้จิ้มค็อกเทลสำหรับตกแต่ง

วิธีผสมเฟลมมิ่ง ซันเซท
1. ใส่น้ำแข็ง 3/4 ของแก้ว
2. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในแก้ว
3. ประดับด้วยมะนาวฝาน เสิร์ฟพร้อมไม้จิ้มค็อกเทล

จิน แอนด์ โทนิค (Gin and Tonic)


น แอนด์ โทนิค (Gin and Tonic)

ส่วนผสมจิน แอนด์ โทนิค
จิน (Gin) 1 ออนซ์
น้ำโทนิค
น้ำแข็งหลอด
แก้วไฮ บอลล์ ขนาด 8 – 10 ออนซ์
มะนาวฝานแว่นและไม้คนสำหรับตกแต่ง

วิธีผสมจิน แอนด์ โทนิค
1. ใส่น้ำแข็ง 3/4 ของแก้ว
2. ใส่จินแล้วเติมน้ำโทนิค ให้ต่ำจากระดับขอบแก้ว 1 นิ้ว ใช้ช้อนบาร์คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
3. ตกแต่งด้วยมะนาวฝานแว่น เสิร์ฟพร้อมไม้คน

สิงคโปร์ สลิง (Singapore Sling)


สิงคโปร์ สลิง (Singapore Sling)

ส่วนผสมสิงคโปร์ สลิง
จิน (Gin) 1 ออนซ์
เชอร์รี่ บรั่นดี (Chrry Brandy) 1/2 ออนซ์
น้ำมะนาว 3/4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 1/2 ออนซ์
น้ำเชื่อมทับทิม 1/2 ออนซ์
โซดา 1/2 ออนซ์
น้ำแข็งหลอด
แก้วสลิงขนาด 10 – 12 ออนซ์
เชคเกอร์
มะนาวฝานแว่นและเชอร์รี่สำหรับตกแต่ง

วิธีผสมสิงคโปร์ สลิง
1. ใส่น้ำแข็ง 3/4 ของแก้วสลิง ลงในเชคเกอร์
2. ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นโซดา ลงในเชคเกอร์
3. ปิดฝาเชคเกอร์แล้วเขย่าแรงๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน รินพร้อมน้ำแข็งลงแก้วสลิง
4. เทโซดาลอยหน้า ประดับด้วยมะนาวฝานและเชอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมหลอดดูด